
จำนวนเชิงซ้อน (Complex Number)
ระบบจำนวนเลขเท่าที่มนุษย์คิดค้นพบในขณะนี้ประกอบด้วยเลขจำนวน
2 ระบบ คือ 
1.           
ระบบจำนวนจริง (Real Number System)
2.           
ระบบจำนวนเชิงซ้อนประเภทจินตภาพ (Imaginary Number
System)
1.            
จำนวนจินตภาพ (Imaginary
Number) เป็นจำนวนที่เกิดจากนักคณิตศาสตร์ 
พยายามแก้ไขปัญหาในค่า x จากสมการ  x2 + 1 = 0
x2 
=  -1

 x 
=  ± Ö- 1
x 
=  ± Ö- 1 แต่เนื่องจากÖ- 1    มิใช่จำนวนจริง นักคณิตศาสตร์จึงตั้งชื่อจำนวนจริงลบที่อยู่ในเครื่องหมาย Ö     ว่าจำนวนจินตภาพและใช้สัญลักษณ์ i 
แทน Ö-1
แต่เนื่องจากÖ- 1    มิใช่จำนวนจริง นักคณิตศาสตร์จึงตั้งชื่อจำนวนจริงลบที่อยู่ในเครื่องหมาย Ö     ว่าจำนวนจินตภาพและใช้สัญลักษณ์ i 
แทน Ö-1  
 ดังนั้น      i2  =  -1
 1.            
จำนวนตรรกยะ (Rational Number) คือ จำนวนที่สามารถเขียนในรูปเศษส่วน
a/b เมื่อ a และ  b  เป็นจำนวนเต็มโดยที่ b ¹0  จำนวนตรรกยะ จำแนกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.            
จำนวนเต็ม (Integer)
2.            
เศษส่วน (Fraction)
3.            
ทศนิยม (Repeating decimal)
3.  จำนวนอตรรกยะ
(irrational
Number) คือ จำนวนที่ไม่สามารถเขียนในรูปเศษ
            ส่วน a/b เมื่อ a และ 
b  เป็นจำนวนเต็มโดยที่
b ¹0  
หรือจำนวน
อตรรกยะคือ  จำนวนที่ไม่ใช่จำนวนตรรกยะนั่นเอง จำนวนอตรรกยะ
จำแนกได้เป็น 2
ประเภทใหญ่ใหญ่คือ
1.            
จำนวนติดกรณ์บางจำนวนเช่นÖ2,Ö3,4Ö5 เป็นต้น 
2.            
จำนวนทศนิยมไม่ซ้ำเช่น 5.18118168473465
หมายเหตุ p ซึ่งประมาณได้ด้วย 22/7 แต่จริงๆ แล้วpเป็นเลข
อตรรกยะ
จำนวนจริงทุกจำนวนสามารถแทนได้ด้วยจุดบนเส้นจำนวน
 4.  จำนวนเชิงซ้อน(Complex
Number) เขียนแทนด้วย z โดยที่ z
= (a,b)
4.  จำนวนเชิงซ้อน(Complex
Number) เขียนแทนด้วย z โดยที่ z
= (a,b)
            จะได้ว่า      z 
=  a + bi   เมื่อ  i 
=  Ö-1                      i2 = -1
            เรียก     a ว่า
เป็นส่วนจำนวนจริงของจำนวนเชิงซ้อน z
                        b ว่า
เป็นส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน z
4.1  การเท่ากันของจำนวนเชิงซ้อน  
ให้ z1
= a + bi   และ  z2  =  c +
di     
ดังนั้น   z1  =  z2   ก็ต่อเมื่อ a = c  และ b = d
4.2  การบวกจำนวนเชิงซ้อน
ให้ z1
= a + bi   และ  z2  =  c +
di     
ดังนั้น z1
+ z2  =  (a+c) + (b+d)i
4.3                           
การคูณจำนวนเชิงซ้อนด้วยจำนวนจริง
ให้ z1
= a + bi  และ k  เป็น จำนวนจริง
kz 
=  ka + kbi
4.4                           
การคูณจำนวนเชิงซ้อนด้วยจำนวนเชิงซ้อน
ให้ z1
= a + bi   และ  z2  =  c +
di     
            z1 z2 = (a + bi)( c + di)  =  (ac
- bd , ad+bc)
ตัวอย่าง  จงหาผลคูณของ   3 + 4i 
กับ  2 + i
วิธีทำ               (3 + 4i)( 2 + i )    =      6 +3i + 8i + 4i2
                                                            =          6 + 11i - 4   =  2 +
11i
4.5                             คอนจูเกต(conjugate) ของจำนวนเชิงซ้อน  แทนด้วย   z
คอนจูเกต(conjugate) ของจำนวนเชิงซ้อน  แทนด้วย   z 
 คอนจูเกต(conjugate) ของจำนวนเชิงซ้อน  แทนด้วย   z
คอนจูเกต(conjugate) ของจำนวนเชิงซ้อน  แทนด้วย   z 
 ถ้า z = a + bi  แล้ว   z 
=  a - bi
ถ้า z = a + bi  แล้ว   z 
=  a - bi
4.6                            การแก้สมการที่ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อน
สมการอยู่ในรูป  ax2 + bx +
c = 0  เมื่อ a
¹ 
0
ในกรณีนี้ให้ใช้สูตร

 x  =  - b ± Ö b2  - 4ac
            x  =  - b ± Ö b2  - 4ac
                                    2a
4.7                            ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน a + bi
ให้ z = a +
bi  ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อนของ
z คือ 


 z      =   Ö a2  +  b2
z      =   Ö a2  +  b2 
 
 
 
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น